วิกฤติแบงก์สหรัฐลากยาว ฉุดเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมากขึ้น
กกร.ชี้วิกฤติแบงก์ล่มส่งผลเชิงลบเศรษฐกิจโลก เร่งเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ชี้จีนฟื้นตัวจำกัด คาดจีดีพีไทยโต 3.0-3.5%
สถานการณ์เศรษฐกิจโลกได้เผชิญปัจจัยเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากวิกฤติการเงินในสหรัฐที่มีการปิดธนาคารหลายแห่ง เช่น Silicon Valley Bank (SVB) , Signature Bank ในขณะที่สถานการณ์ราคาพลังงานโลกอาจส่งผลกระทบเมื่อโอเปคพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตราว 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งอาจกดดันต้องอัตราเงินเฟ้อหลายประเทศในระยะต่อไป
คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ได้ประชุมเมื่อวันที่ 5 มี.ค.2566 เพื่อติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท.ในฐานะประธาน กกร.เปิดเผยผลการประชุม กกร.ว่า วิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐและยุโรป ส่งผลให้ตลาดการเงินมีความผันผวนและเพิ่มโอกาสที่เศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวมากขึ้น แม้ว่าทางการสหรัฐและสวิตเซอร์แลนด์จะช่วยเหลือสถาบันการเงินเร็วไม่ให้ลุกลามเหมือนวิกฤติสถาบันการเงินปี 2551 แต่คาดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลกแล้ว
ขณะนี้นักลงทุนมองโอกาสเกิดภาวะถดถอย หรือ Recession ในเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปได้มากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากภาคการเงินยอมรับความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อลดลง (Risk Appetite) จึงเกิดภาวะการเงินตึงตัว และตลาดการเงินอ่อนไหวต่อทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นมากกว่าเดิม โดยตลาดเริ่มคาดหวังให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยภายในปีนี้
“ผลกระทบทางตรงต่อภาคการเงินไทยยังมีน้อยมาก อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่าเงินเฟ้อเดือน มี.ค.กลับมาอยู่ในกรอบเป้าหมายจึงเป็นข่าวดีว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นถึงจุดสิ้นสุดแล้ว หรืออาจขึ้นอีกเพียง 0.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 2%”
สำหรับเศรษฐกิจจีนมีสัญญาณฟื้นตัว แต่อานิสงส์ยังจำกัดอยู่ในประเทศ อุปสงค์ภายในประเทศของจีนมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจนภายหลังการเปิดประเทศตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ภาคการผลิตและการส่งออกของจีนยังอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยดัชนี PMI ภาคอุตสาหกรรมปรับตัวแย่ลงในเดือน มี.ค.ทั้งการผลิตและแนวโน้มการส่งออก ไม่ต่างจากประเทศอื่นในภูมิภาค แนะนำข่าวเพิ่มเติม>>> นักเศรษฐศาสตร์ มองธนาคาร SVB ล้ม ไทยได้รับเอฟเฟกต์มั้ย?